คาเคา เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอร์ป (KAKAO Entertainment Corp.) บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ เปิดตัวแอปพลิเคชัน คาเคา เว็บตูน (KAKAO WEBTOON) โดยเลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรกในการเปิดตัวแพลตฟอร์ม เว็บตูนมาตรฐานระดับโลก และตั้งเป้าอันแสนท้าทายเอาไว้ว่าจะต้องขึ้นครองตำแหน่งเว็บตูนอันดับ 1 ในประเทศไทยผ่านจุดขายที่โดดเด่นด้วยเนื้อหาที่แข็งแรงคอนเทนต์ชั้นนำของเกาหลี และ UI/UX ที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์การอ่านการ์ตูนที่เหนือชั้นและเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาให้แก่นักอ่านชาวไทย
แม้ว่าในประเทศไทยจะมีการแข่งขันของอุตสาหกรรมเว็บตูนที่ดุเดือดจากหลากหลายค่าย แต่จุดเด่นด้านคอนเทนต์ของ คาเคา เอ็นเตอร์เทนเมนท์ นั้นคือการรวมตัวกันของสองบริษัทคอนเทนต์ชั้นนำ ได้แก่ ‘เอ็มคอมพานี’ (M Company) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์ระดับชั้นนำ ทั้งผลงานดนตรี ซีรีส์ ภาพยนตร์ การแสดง มีค่ายของศิลปิน นักแสดงชื่อดัง ในสังกัด ซึ่งยังไม่รวมถึงเหล่านักเขียนบทและผู้กำกับซีรีส์-ภาพยนตร์กว่า 80 คน อาทิ นักเขียนบท ‘Signal’ และ ‘Kingdom’ ซีรีส์ชื่อดังใน Netflix ส่วนอีกบริษัทคือ ‘เพจคอมพานี’ (Page Company) ซึ่งขึ้นแท่นเป็น ‘Korea’s No.1 Story Entertainment Company’ โดยมี Original Story (เว็บตูนและเว็บโนเวล) ถึงกว่า 8,500 เรื่อง อาทิ Itaewon Class, What’s Wrong with Secretary Kim?, Space Sweepers, The Uncanny Counter, Love Alarm หรือ Solo Leveling ที่ได้รับการนำไปสร้างสรรค์ในรูปแบบทั้งซีรีส์และภาพยนตร์
ทั้งนี้ คาเคา เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ได้ไว้วางใจเลือกบริษัท เวฟเมคเกอร์ (ประเทศไทย) มีเดียเอเยนซี่ผู้ดูแลและบริหารสื่อชั้นนำ ในเครือ กรุ๊ปเอ็ม ให้วางแผนสื่อสารการตลาดออนไลน์ผ่านเครื่องมือและเทคโนโลยีของ กรุ๊ปเอ็ม โดยเลือกใช้การทำ Influencer Marketing ผ่านระบบ INCA ซึ่งเป็นเครื่องมือในการหาอินฟลูเอนเซอร์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของ คาเคา เว็บตูน และ การวางสื่อโฆษณาออนไลน์ด้วยระบบ Programmatic จาก Xaxis ที่ผสมผสานการใช้ AI (Artificial Intelligence) และ ML (Machine Learning) ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด
คุณรัฐกร สืบสุข กรรมการผู้จัดการ เวฟเมคเกอร์ กล่าวถึงการทำงานร่วมกับ คาเคา เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ว่า “การตั้งเป้าหมาย สู่เว็บตูนอันดับ 1 เป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก เพราะในปัจจุบันนักอ่านไทยจำนวนมากมีพฤติกรรมการอ่านที่เปลี่ยนจากรูปเล่มสู่รูปแบบดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะคอนเทนต์ประเภทการ์ตูนที่ไม่ได้จำกัดแค่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กและวัยรุ่นอีกต่อไป การวางแผนสื่อออนไลน์จึงต้องมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น การเลือกใช้เทคโนโลยีคัดเลือกอินฟลูเอนเซอร์ และระบบ Programmatic ของ กรุ๊ปเอ็ม จะช่วยลูกค้าของเวฟเมคเกอร์มีความคุ้มค่าในการลงทุนสื่อและประสบความสำเร็จในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ รวมถึงมีโอกาสเพิ่มผู้อ่านจากกลุ่มเป้าหมายใหม่เช่นกัน”